มอเตอร์ไซค์สไตล์วินเทจหรือมอเตอร์ไซค์สไตล์คลาสสิคนั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก อาจมีความแตกต่างกันในเรื่องของรายล่ะเอียดเล็กๆน้อยๆ อย่างเช่น ช่วงปีที่ได้ทำการผลิตหรือรายเอียดโครงสร้างของตัวรถ เป็นต้น แต่สิ่งที่เหมือนกันของรถมอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 สไตล์ คือ ช่วงเวลาที่ถูกผลิตควรจะมีอายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป
ลักษณะโดยทั่วไปของมอเตอร์ไซค์วินเทจ
หากคุณคิดจะซื้อมอเตอร์ไซค์วินเทจแล้วละก็ คุณจะต้องรู้ลักษณะทั่วไปของมอเตอณไซค์สไตล์นี้ก่อน
ลักษณะข้างต้นทำให้รถประเภทนี้เหมาะที่จะเป็นมอเตอร์ไซค์คันที่สองมากกว่ามอเตอร์ไซค์คันแรก โดยเฉพาะกับมือใหม่ที่ยังขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เก่ง เพราะว่าการขับขี่มอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าๆ ตัวผู้ขับขี่ควรจะมีทักษะในการควบคุมมอเตอร์ไซค์ที่ดีในระดับหนึ่งแล้ว จึงจะขับขี่ได้อย่างราบรื่นปลอดภัย
มอเตอร์ไซค์แบบวินเทจเหมาะกับใคร?
มอเตอร์ไซค์แบบวินเทจเหมาะกับผู้ที่มีทักษะการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่ดีอยู่แล้ว แต่ต้องการที่จะพัฒนาทักษะอื่นๆ อย่างเช่น ความรู้เรื่องกลไกเครื่องยนต์ การซ่อมบำรุงรักษา เพราะรถรุ่นเก่าๆเหล่านี้มีระบบการทำงานของเครื่องยนต์ที่ไม่ซับซ้อนเหมือนรถมอเตอร์ไซค์ในยุคปัจจุบัน คุณสามารถเรียนรู้การซ่อมโดยอาศัยเครื่องมือง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง แถมยังให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเมื่อคุณได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่คุณรู้จักระบบกลไกภายในของมันเป็นอย่างดี เมื่อเกิดปัญหาอะไรคุณก็สามารถจัดการซ่อมแซมได้ด้วยตัวคุณเอง ซึ่งความเจ๋งมันอยู่ตรงนี้แหละ
การเลือกซื้อมอเตอร์ไซค์วินเทจ
เราขอแนะนำคุณว่ามอเตอร์ไซค์ที่คุณควรเลือกนั้น ควรจะเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ถูกผลิตในช่วงเวลาปี 1960s – 1970s เนื่องจากมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตในช่วงเวลาดังกล่าวนี้จะมีลักษณะที่คล้ายกับมอเตอร์ไซค์ในยุคปัจจุบันมากที่สุด คุณสามารถหาอะไหล่สำหรับส่วนประกอบต่างๆ ที่เป็นส่วนสำคัญได้ง่าย สิ่งคุณควรหลีกเลี่ยงคือ การซื้อซากมอเตอร์ไซค์เก่าๆมาประกอบเอง ถึงแม้ราคาของมันจะถูกแค่ไหนก็ตาม
คุณควรจะมองหารถมอเตอร์ไซค์ที่ยังพอวิ่งได้เพราะคุณคงไม่อยากจะปวดหัวกับการตามหาอะไหล่เพื่อนำมาประกอบรถขึ้นใหม่ คุณอาจจะต้องเสียเงินและเวลาไปมาก กว่าจะทำให้มันกลับมาวิ่งได้อีกครั้ง สิ่งสำคัญสุดท้ายคือคุณต้องตรวจสอบเล่มทะเบียนให้ดี เช็คความถูกต้องให้เรียบร้อย ก่อนที่จะทำการโอนมาเป็นชื่อของอย่างถูกต้อง
ตอนนี้คุณก็พอที่จะมีความรู้พื้นฐานสำหรับการเลือกซื้อมอเตอร์ไซค์วินเทจไปบ้างแล้ว ต่อไปเราก็จะไปดูข้อดีข้อด้อยของรถมอเตอร์ไซค์แต่ล่ะยี่ห้อกันครับ เนื่องจากเราไม่สามารถที่จะรีวิวมอเตอร์ไซค์ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่นได้ เราจึงทำการแบ่งมอเตอร์ไซค์วินเทจออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ๆ คือ มอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่น มอเตอร์ไซค์อเมริกา และ มอเตอร์ไซค์ยุโรป
Honda, Kawasaki, Yamaha และ Suzuki เป็นผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของโลกในช่วงปี 1960s และ 1970s ในเวลานั้นญี่ปุ่นได้ทำการส่งมอเตอร์ไซค์ออกสู่ตลาดโลกเป็นจำนวนมากรวมถึงในประเทศไทย การตีตลาด ด้วยราคาที่ถูกและคุณภาพการผลิตที่ได้มาตรฐาน ทำให้มอเตอร์ไซค์จากญี่ปุ่นเป็นที่นิยมในไทยเรื่อยมา การหามอเตอร์ไซค์วินเทจแบรนด์ญี่ปุ่นจึงเป็นเรื่องง่ายและถือว่าเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับคนไทย
อีกทั้งกระแสการฟื้นตัวของมอเตอร์ไซค์สไตล์ คาเฟ่เรเซอ (Cafe racer) ในช่วงนี้ ส่งผลให้ปัจจุบันมีการผลิตอะไหล่ทดแทนขึ้นมามากมาย นั่นหมายความว่าคุณสามารถหาอะไหล่ส่วนไหนก็ตามที่คุณต้องการได้ไม่ยาก อะไหล่เหล่านี้มีให้เลือกซื้อและหาได้เองในราคาที่ถูก จากข้อดีของการหาอะไหล่ได้ง่ายนี่เอง ทำให้ถ้าหากคุณไม่ระวังการใช้จ่าย คุณก็อาจจะเสียเงินไปกับกับการตกแต่ง ปรับปรุงรายล่ะเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่จำเป็นต่อมอเตอร์ไซค์ของคุณ
ส่วนข้อเสียใหญ่ของมอเตอร์ไซค์วินเทจจากญี่ปุ่นนั้น หลายรุ่นโดยเฉพาะรุ่นจากปี 1970s จะเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่อง 4 สูบ นั่นหมายความว่า แม้ตัวเครื่องยนต์จะสามารถยังทำงานได้ดีก็ยังไม่พอ เพราะคุณจะต้องทำให้คาร์บูเรเตอร์ใช้งานได้ด้วย ซึ่งสำหรับมือใหม่แล้วการประกอบและปรับจูนระบบคาร์บูเรเตอร์แบบ 4 ตัวนั้น เป็นอะไรที่เหมือนกับฝันร้ายสุดๆ เพียงพอที่จะทำให้หลายคนล้มเลิกและอาจตัดสินใจไม่ซื้อมอเตอร์ไซค์สไตล์วินเทจอีกต่อไป
ในยุค 1960s ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ( Harley-Davidson ) เป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวของอเมริกา ดังนั้นหากคุณสนใจมอเตอร์ไซค์แบรนด์อเมริกา ฮาร์ลีย์-เดวิดสันจึงเป็นเพียงตัวเลือกเดียวที่คุณมี แถมรถที่ถูกผลิตในยุคนี้ยังมีคุณภาพที่ไม่ค่อยดีอีกด้วย นั่นทำให้คุณต้องทำการบ้านมากขึ้นอีกหากเลือกที่จะซื้อแบรนด์นี้
อธิบายคร่าวๆคือ ในยุค 1960s ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ได้ทำการซื้อหุ้น จากโรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ Aermacchi จากอิตตาลี และเริ่มผลิตมอเตอร์ไซค์รุ่นเล็กราคาถูกออกมาอย่างรุ่น Sprint 250 และ 350 ที่เรายังเห็นได้อยู่ในปัจจุบัน ในส่วนของเครื่องยนต์รุ่นเล็ก 2 จังหวะ ( small two-strokes ) นั้นถูกผลิตขึ้นมาพร้อมมอเตอร์ไซค์อีกรุ่นหนึ่งที่ชื่อว่า Hummer ซึ่งมีการผลิตจนถึงปี 1966
สิ่งที่คุณควรรู้คือมอเตอร์ไซค์รุ่นเล็กเหล่านี้ไม่สามารถที่จะทำความเร็วได้ถึงจุดที่กำหนดไว้สำหรับวิ่งบนถนน Hight way ในปัจจุบันได้ ดังนั้นมันน่าจะดีกว่าหากคุณเลือกที่จะมองข้ามมอเตอร์ไซค์รุ่นเล็กนี้ไป ถึงแม้ราคาของมันจะถูกแค่ไหนก็ตาม
หลังจากนั้นในปี 1969 AMF ก็ได้ทำการซื้อ ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน และยังมีปัญหาเรื่องคุณภาพการผลิตอยู่ แต่มีสิ่งที่น่าสนใจคือ Harley ได้ออกโมเดลเครื่องแบบ Big twin Shovelhead มา ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ในเรื่องของปัญหาด้านคุณภาพมันนั้น สามารถแก้ได้โดยการใช้ปะเก็นสมัยใหม่ร่วมกับการประกอบตัวรถขึ้นมาใหม่ให้ดี ค่าใช้จ่ายอาจจะสูงถ้าคุณใช้อะไหล่แท้จาก H-D หรือคุณอาจจะหาอะไหล่มือสองที่มีราคาถูกกว่าได้จากตลาดมือสองอย่าง E-bay การแลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้เล่นรถมอเตอร์ไซค์ หรือตลาดมือสองอื่นๆ
สรุปคือ Harley นั้นสนับสนุนการปรับแต่งรถเป็นอย่างดี ชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์อาจจะหาได้ยากหน่อย ถ้าคุณโชคดีพอก็สามารถหาซื้อชิ้นส่วนรถที่ยอดเยี่ยมในราคาที่สมเหตุสมผลได้ อีกส่วนที่คุณจะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษคือความแตกต่างระหว่างโมเดลแบบ Shovelhead และ Ironhead sporter ซึ่งมักจะให้หลายคนสับสนอยู่บ่อยๆ โดยโมเดลแบบ Ironhead นั้นจะมีราคาที่ถูกกว่า แต่ก็มีปัญหาเรื่อง “Sportster knee” คุณควรจำให้แม่นว่าโมเดลทั้งสองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
บริษัทมอเตอร์ไซค์หลายๆ บริษัทในยุโรปมีจุดเริ่มต้นในช่วงศตวรรษที่ 20 ในช่วงนั้นมีมอเตอร์ไซค์หลายแบรนด์ให้เลือก ในส่วนของระดับไฮเอนด์มีมอเตอร์ไซค์จากแบรนด์มี Nortons และ Ducatis ทั้งสองแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมมาก ถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่ดี แต่คุณก็ต้องมีเงินมากพอที่จะซื้อทั้งตัวรถและอะไหล่ของมัน ถ้าหากคุณอยากได้แบรนด์ที่ต่างออกไปเล็กน้อย ก็มี Moto Guzzi จากอิตาลี เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน
รถมอเตอร์ไซค์ไทรอัมพ์ ( Triumphs ) และ BSAs เป็นรถสัญชาติอังกฤษ ที่มีราคาพอเหมาะ ง่ายต่อ,มือใหม่ที่เริ่มต้นศึกษาการปรับแต่งมอเตอร์ไซค์ ไทรอัมพ์มองตัวเองว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่สนับสนุนการแต่งด้วยสินค้าจากตลาดมือสองซึ่งเป็นข้อดี แต่ถ้าหากคุณซื้อมอเตอร์ไซค์รุ่นเก่าๆ จากฝั่งบริติช คุณอาจจำเป็นต้องหาเครื่องมือที่ใช้สำหรับมอเตอร์ไซค์ยุคเก่าด้วย ( เครื่องมือช่างจะมีขนาด หน่วยวัด แต่งต่างกับปัจจุบัน )
สุดท้ายเราขอแนะนำมอเตอร์ไซค์แบรนด์ BMW จากมอเตอร์ไซค์หลายๆรุ่นที่ได้เราได้แนะนำไปข้างต้น เราคิดว่า BMW นั้นเป็นมอเตอร์ไซค์ที่เหมาะกับผู้ที่เริ่มสนใจมอเตอร์ไซค์สไตล์วินเทจมากที่สุด มอเตอร์ไซค์ BMW รุ่น R75/5 นั้นถูกผลิตขึ้นในช่วงต้น 1970s นั้นมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม สามารถวิ่งบนถนน Highway ในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และเหมาะสมกับการวิ่งระยะทางไกล ต้องการดูแลบำรุงรักษาเพียงเล็กน้อยในการที่จะทำให้มันใช้งานได้ดีอยู่เสมอ
ข้อด้อยก็เหมือนกับรถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้ออื่นๆ จากฝั่งยุโรป ชิ้นส่วนอะไหล่นั้นมีราคาแพง สามารถหาซื้ออะไหล่แท้มาใช้งานได้โดยตรงจากศูนย์ BMW ในส่วนของราคารถที่ต้องจ่ายนั้นอาจจะพอๆกับ Triumph แต่มาตรฐานของ BMW นั้นดีกว่า Triumph รุ่น Bonneville หรือ Trident ค่อนข้างมาก เมื่อเวลาผ่านไปมอเตอร์ไซค์พวกนี้ก็จะค่อยๆ มีราคาเพิ่มขึ้น ซึ้งถือว่าเป็นการลงทุนที่ดีอีกอย่างหนึ่งด้วย
สำหรับการหาซื้อมอเตอร์ไซค์วินเทจในเมืองไทยนั้น เราคิดว่ารถญี่ปุ่นน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากหาซื้อตัวรถและอะไหล่ได้ไม่ยากและมีให้เลือกหลายรุ่น หลายยี่ห้อในราคาที่ไม่แพง หากเป็นรถมอเตอร์ไซค์จากยุโรปหรืออเมริกานอกจากจะหายากแล้วยังมีราคาที่แพงกว่าจากการนำเข้า แต่ถ้าใครคิดถึงมูลค่าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตต่อไปอีก การลงทุนในรถจากยุโรปก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ สุดท้ายแล้วเหตุผลหลักๆ น่าจะอยู่ที่ความชอบและรสนิยมของแต่ล่ะคนมากกว่าครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก : thai.webike.net